Monday, December 13, 2010

ขอลัดคิวไปกินผัดเผ็ดกบที่อาร์ซีเอ

          ครับท่านผู้อ่าน เรื่องเล่าวันนี้ขอลัดคิวไปกินผัดเผ็ดกบ กันที่ร้านโอ๊บ โอ๊บ ในย่านอาร์ซีเอ เพราะมีเสียงเรียกร้องให้ไปลองลิ้มชิมรส ผัดเผ็ดกบ สูตรพริกแกงเมืองกาญจนบุรี ซึ่งโดยส่วนตัวของผมเองก็ชื่นชอบพริกแกงเมืองกาญจน์อยู่เป็นทุนเดิม เพราะทุกวันนี้พริกแกงที่ใช้ในครัวก็มาจากเมืองกาญจน์ เหตุเพราะเมื่อราวสิบกว่าปีก่อน ผมจะมีเหตุให้เดินทางไปเมืองกาญจน์บ่อยมาก มีโอกาสได้ไปทานแกงป่า ผัดเผ็ด ต่างๆตามร้านอาหารแถวเขาชนไก่ ให้ติดใจรสชาติและความหอมของพริกแกงของเมืองกาญจน์มาจนถึงทุกวันนี้ ครั้นพอมีพรรคพวกแจ้งมาว่ามีร้านชื่อโอ๊บ โอ๊บ ในย่านอาร์ซีเอ คล้ายว่าเป็นสาขาจากท่ามะกา เมืองกาญจน์ ทำกบทอดกระเทียม กบผัดเผ็ดได้สะเด็ดยาดนักแล
           ทันทีไม่รอช้าวันเสาร์ที่ผ่านมาก็ลุยทันที ไปถึงร้านประมาณเกือบสามทุ่ม ก็ให้ใจหายเพราะป้ายหน้าร้านแจ้งเวลาปิดไว้ที่สามทุ่ม แต่ก็เป็นบุญปาก เพราะเจ้าของร้านยินดีที่จะให้บริการ ไม่รีรอครับขอดูใบแจ้งรายการอาหาร สั่งทันที กบทอดกระเทียม กบผัดพริกแกง แกงป่าปลาคัง โดยกำชับไปว่าขอรสจัดทุกจาน ระหว่างรออาหารก็เห็นบรรยากาศร้าน ซึ่งดูไม่เข้ากับรายการอาหาร ก็ชักไม่แน่ใจว่าจะอร่อยจริงหรือเปล่า แต่ครั้นพอจานอาหารได้ถูกลำเลียงมาที่โต๊ะ กลิ่นหอมเครื่องแกงลอยมาแต่ไกล ต่อมน้ำลายแตกยับเลยครับงานนี้ พอวางบนโต๊ะก็รอไม่ไหวแล้วครับ ลงช้อนทันที โอ้ว ไม่รู้จะบอกยังไง ว่าผมตามหารสชาติแบบนี้แหละ กลับมาจากนครลอสแองเจลลิส ได้สี่เดือนก็ตามหาที่จะได้ลิ้มรสชาติอาหารไทยภาคกลาง ที่รสชาติจัดจ้านแบบที่เคยไปทานที่เมืองกาญจน์
            ผัดเผ็ดกบรสชาติจัดจ้าน กลิ่นหอมเครื่องแกง อร่อยเกินบรรยาย แกงป่าปลาคังก็ทำได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่มีกลิ่นคาวปลามารบกวนรสสัมผัสแม้แต่น้อย รสชาติก็สะใจซะเหลือเกิน อีกจานนึงกบทอดกระเทียมพริกไทย ตะลึงครับน่องกบมาแบบชิ้นเป้งๆ ไซส์เท่ากับที่ผมทานที่แอลเอ กรอบนอกนุ่มใน เนื้อไม่แหยะ ทางร้านแนะนำให้จิ้มกับชุดน้ำซอสที่ร้านจัดให้ ก็อร่อยครับ แต่ผมชอบทานแบบไม่ต้องจิ้มซอสใดๆทั้งสิ้น อร่อยทั้งสามจานเลยครับ ใจก็ยังอยากจะสั่งเมนูอื่นมาลอง เพราะเห็นว่ามีฉู่ฉี่ปลากรายก็อยากทาน แต่ถ้าทานตอนที่ท้องอิ่ม ก็คงไม่อร่อยเท่าที่ควรจะเป็น เลยขอรวบยอดไว้คราวหน้า การบริการก็ดีมากครับ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีร้านอร่อยๆสะใจแบบนี้ในอาร์ซีเอ และที่ให้แปลกใจว่าบรรยากาศในบริเวณ อาร์ซีเอ ที่เคยพลุกพล่าน ครื้นเครงอุตลุด กลับเป็นเหมือนวัยรุ่นเพิ่งออกจากสถานดัดสันดานมา เพราะเงียบเชียบ ดูเรียบร้อยซะ ก็นะครับเหมือนกระแสน้ำ มีขึ้น ก็ต้องมีลงล่ะครับ
            ครับท่านผู้อ่านที่จะตามไปลิ้มลอง ก็ไปได้เลยครับในอาร์ซีเอ ตรงข้ามตึกกรุงเทพประกันภัย
ชื่อร้านโอ๊บ โอ๊บ อยู่ติดร้านข้าวมันไก่โก๊ะตี๋ ไปลองได้เลยครับรับรองไม่ผิดหวัง ผมกับพลพรรคกะจะนัดรวมพลกันที่ร้านโอ๊บ โอ๊บ ในวาระที่จะสังสรรค์กันเดือนละหนึ่งครั้ง ฉู่ฉี่ปลากราย ได้เจอกันแน่ ก็ต้องขอขอบพระคุณ ท่านผู้การไวพจน์ เจ้าของร้านโอ๊บ โอ๊บ ที่ได้ให้ข้อมูลที่มาของรสชาติอาหาร
            ขากลับ ขับรถออกจากอาร์ซีเอ มาเข้าถนนพระรามเก้าเพื่อที่จะไปตัดเข้าถนนรามคำแหง ให้นึกขึ้นได้ว่ามีร้านโจ๊กหมูที่หน้าโรงเรียนวัดเทพลีลา ซึ่งเคยเป็นร้านประจำสมัยก่อน ก็ตัดสินใจลุยไปดูเลยว่ายังอยู่หรือเปล่า ดีใจครับยังอยู่แต่ก็ไม่แน่ใจรสชาติ และเครื่องเคราว่าจะลดปริมาณตามสภาวะเศรษฐกิจหรือเปล่า นั่งได้ก็สั่งเลยครับโจ๊กหมู กระเพาะ ไส้ รอไม่นานครับก็ได้ลิ้มรส ก็เหมือนเดิมครับอร่อยทุกช้อนเหมือนเดิม บรรดาเครื่องในหมูก็ชิ้นเท่าเดิม นุ่ม ไม่มีกลิ่นเหม็นมารบกวนให้เสียอารมณ์ อร่อยครับ เป็นโจ๊กรถเข็นชื่อ โจ๊กหมูนายอ๋า ทราบมาว่าขายตั้งแต่หัวค่ำ ไปจนถึงตีสาม ถ้ามาตอนหัวค่ำ ที่จอดรถก็หายากครับ ส่วนใหญ่ผมจะมาตอนดึกนี่แหละครับ เป็นร้านปิดแมชท์ยามราตรี แล้วก็จรลีกลับบ้านนอน คืนนี้ก็เช่นกันครับ ขออนุญาติกลับบ้านนอนครับผม

Thursday, December 9, 2010

ชวนไปกินย่านมีนบุรี ตอนที่ 2

          กลับมาลุยกินย่านมีนบุรีกันต่อครับ คอนเซปต์ของผมคือจะหาร้านที่อาหารอร่อย แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย มาเล่าให้ท่านผู้อ่านได้ไปลองลิ้มชิมรสกัน วันนี้ก็เช่นเคยครับ แต่วันนี้ขออนุญาติควบมอไซด์ ออกลุยกิน เพราะช่วงนี้รถราย่านมีนบุรีติดจริงๆ
          ด้วยหมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่นั้นตั้งอยู่บนถนนสุวินทวงค์ วันนี้ก็เลยขอตั้งหลักบนถนนสายสุวินทวงค์ซะเลย ออกจากหมู่บ้านได้ก็บิดเจ้าสกูตเตอร์ฉิวเข้าไปยังมีนบุรี พอผ่านหมู่บ้านปรีชานึกขึ้นได้มีกวยเตี๋ยวเรือ ในซอยวัดบึงบัวรสชาติดีมาก ซอยบึงบัวหรือซอยเทคนิคนี้สามารถพาท่านทะลุไปยังถนนคุ้มเกล้าได้ เอาเป็นว่าเข้าซอยวัดบึงบัวไปประมาณห้าร้อยเมตรผ่านโรงเรียนเทคนิค ให้มองทางซ้ายมือจะเห็นร้านกวยเตี๋ยวเรือ ให้ดีควรเลี่ยงที่จะมาในช่วงเวลาเที่ยง สั่งเลยเล็กชิ้นสด ไม่ต้องปรุงเพิ่ม แค่เติมแคบหมูซะหน่อยผมรองท้องไปสามชาม ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คนยังแน่นร้านเหมือนเดิม สบายท้องแล้วก็บรรจงควบเจ้าสกูตเตอร์เข้าเมืองต่อเลย ช่วงนี้อากาศดีมากครับเย็นสบายไปกับสายลมหนาว ลัดเลาะผ่านตลาดนัดจตุจักรมีนบุรี ก็เลยต้องขออนุญาติแวะลุยซะหน่อย ผู้คนยังเนืองแน่น มาซื้อหาต้นไม้ไปประดับประดาที่อยู่อาศัยกัน สินค้าไม่หลากหลายเท่าจตุจักร ย่านหมอชิต แต่ก็ครบครันเดินไปเดินมาชักไม่ไหวเหมือนกัน ผู้คนเริ่มแออัด ออกดีกว่า ฮ่าๆๆๆๆๆ ผนวกกับท้องไส้เริ่มรู้สึกหลวมๆ
            บิดต่อเลยดีกว่า ท่องไปบนถนนสุขาภิบาลสองเพราะนึกถึงข้าวราดแกงเนื้อ กะมะพร้าวน้ำหอม
ที่เคยแวะทานบ่อยๆ นี่เลยพอท่านเลยสามแยกสุขาภิบาลสอง สวนสยาม ขับไปพอก่อนถึงถนนวงแหวนรอบนอกก็ให้ ระวังด้านซ้ายอยู่ตรงทางเลี้ยวเข้าถนนวงแหวนไปบางนา มีป้ายบอกเลยมะพร้าวน้ำหอมและเช่นกันควรเลี่ยงช่วงเที่ยงวัน ผมไปถึงก็ขอน้ำมะพร้าวมาละเลียดให้ชื่นใจก่อน ตามด้วยข้าวราดแกงเนื้อ กับไข่เค็ม ต่อด้วยแกงขี้เหล็กเนื้อ หมูทอด ฉ่ำแล้วครับมื้อนี้ อัดน้ำมะพร้าวไปอีกหนึ่ง ไม่รู้จะบรรยายยังไงครับ อิ่ม อร่อย ราคาแสนสบายกับนายโจ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ อิ่มสะใจจริงๆ
             เดวจะพาท่านไปเดินย่อยในตลาดมีนบุรีดีกว่า เพราะผมอยากทานลอดช่องน้ำกะทิเจ้าโปรดในตลาด พอท่านเข้าไปถึงตลาดมีนบุรี เลี้ยวซ้ายเข้าไปก็หาที่จอดรถก่อนเลย แล้วมาตั้งหลักที่ข้างธนาคารกรุงไทย เดินเลาะไปด้านข้างธนาคารเพื่อเข้าสู่บริเวณตลาด จะเห็นว่าด้านหน้ามีแผงขนมหวาน ลุยได้เลย ผมชอบลอดช่องน้ำกะทิ ที่แสนจะหอมหวาน ขนมชั้นนี่หวานมันกำลังดี ตอนผมอยู่แอลเอ ถ้ารู้ว่าเพื่อนจะไปแอลเอ ผมขอร้องให้เค้าช่วยหิ้วไปให้ผมทีละยี่สิบชิ้นเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆชอบจริงๆครับ พอได้ขนมหวานดังใจแล้ว เริ่มสอดส่ายหาของกินอย่างอื่น ละลานตาครับ ทั้งผลไม้ เป็ดพะโล้ เครื่องในหมูพะโล้ เย้ายวนดีเหลือหลาย แต่ตอนนี้ท้องมันเต็มต่อมอยากก็เลยยังไม่ทำงานเท่าไหร่ และชักรู้สึกอยากกลับบ้านนอนย่อยซะแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ เลยแวะไปแผงปลาทู รับใช้ไปสี่เข่ง เพื่อเอาไปทานแก้เส้นเลือดตีบตันจากไขมันที่ได้ทานเข้าไป ผมจะทำเป็นกิจวัตรครับท่านผู้อ่าน จะพยายามทานปลาทะเลให้ได้สัปดาห์ละสามมื้อ เพื่อสุขภาพให้น้ำมันปลาทะเลได้เข้าไปชำระไขมันสัตว์บกในหลอดเลือด ก็เพื่อหลีกเลี่ยงโรคภัยจากการกินครับ จะได้สวาปามของอร่อยบนโลกนี้ไปนานๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
             สำหรับมีนบุรียังไม่หมดนะครับ แต่จะมาเล่าให้ท่านผู้อ่านได้หิวกันใหม่ในตอนหน้า ว่าจะพาไปกินต้มยำพุงปลาช่อนที่สุดแสนจะคลาสสิค แต่ยังไม่บอกว่าร้านไหน สำหรับวันนี้กระผมก็ขออนุญาติกลับบ้านไปนอนย่อยก่อนนะคร้าบ
          

Wednesday, December 8, 2010

กินอร่อยย่านพรานนก

          วันนี้ขออนุญาติโดดคิวตอนสองของชวนไปกินย่านมีนบุรีนะครับ เพราะไปลุยย่านพรานนกมา ก็เลยรีบมาเล่าให้ท่านผู้อ่านได้หิวไปกับย่านพรานนก ผมเคยได้ใช้ชีวิตในย่านพรานนกมาร่วมสิบปี ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ย่านมีนบุรี วันนี้เลยจะย้อนรอยตามไปกินร้านวันวานย่านพรานนก
          หลังจากฝ่าด่านการจราจรมาจนถึงถนนพรานนก ก็รี่หาที่จอดรถบริเวณหน้าร้านกวยเตี๋ยวเนื้อวัดดงมูลเหล็ก โน่นไปได้ที่จอดซะหน้าปั๊มน้ำมัน ไม่เป็นไรห้าสิบเมตรเอง พอได้ที่นั่งสั่งทันทีสะเต๊ะเนื้อ เส้นหมี่เนื้อสด ชาดำเย็นหนึ่ง หอมมาก่อนเลยครับเนื้อสะเต๊ะ นุ่มมากๆ ตามด้วยเส้นหมี่เนื้อสดน้ำซุปยังเข้มข้นเหมือนเดิม เพียงเติมน้ำส้มพริกตำก็หม่ำได้เลย อร่อยครับยังเหมือนเมื่อวันวาน จบด้วยชาดำเย็นชื่นใจ วันนี้ผมตะลุยกินเพื่อย้อนรอยความอร่อยเมื่อวันวาน ฉะนั้นจึงไม่ทานแบบเต็มคราบ เพราะยังเหลืออีกหลายร้านที่ยังต้องไปลุย จึงจำเป็นต้องมีพื้นที่ว่างในกระเพาะไว้สำหรับร้านต่อไป ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
           ออกจากร้านกวยเตี๋ยวเนื้อวัดดง ก็เดินครับไม่ขับรถดีกว่า เพราะที่จอดรถช่วงเที่ยงค่อนข้างหายาก เดินจากร้านกวยเตี๋ยวเนื้อวัดดง ผ่านที่ทำการไปรษณีย์บางกอกน้อย ลอดสะพานลอยวัดยางไปอีกนิดเดียวผ่านซอยสุดสาคร ก็เจอร้านกวยเตี๋ยวป้าหวานเย็นอยู่ด้านซ้ายมือ ผมเรียกเองคนเดียวนะ เพราะค่อนข้างช้าครับต้องใจเย็นๆ หิวจัดตาลายอย่ามา นั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมใช้บริการร้านแรกมาก่อน
ได้ที่นั่งในร้านก็สั่งทันทีครับ เส้นเล็กน้ำเป็ด น้ำส้มไบเล่ย์ระหว่างที่รอก็หมดไบเล่ย์ไปสองขวด ฮ่าๆๆๆๆๆๆพอกวยเตี๋ยวมาถึงโต๊ะเจอความหอมของน้ำซุป และกระเทียมเจียวต่อมน้ำลายในปากกระจายเลยครับ เหมือนวันวานเติมแค่น้ำส้มพริกตำก็หม่ำได้เลย เป๊ะเลยครับยังคงความอร่อยได้เหมือนวันวานยังให้รอนานเหมือนในอดีต สะใจครับอยากจะต่ออีกชามเฮ้อ
          ท้องเริ่มตึงๆครับต้องเดินเพื่อลดอาการแน่น เลยปรับแผนนั่งตุ๊ก ตุ๊กไปเดินเล่นที่ท่าน้ำดีกว่า ถึงท่าน้ำศิริราชก็ซัดเลยน้ำจับเลี้ยงหน้าเซเว่น ละเลียดไปซะสองถุงให้หายคิดถึง  มองไปยังแผงลูกชิ้นปิ้งไม่น่าทานเหมือนวันวานเลยข้ามไป จ๊ะเอ๋กับแผงเนื้อทอดใช่เลยกลิ่นยังหอมฉุยเลยสั่งมาไว้สี่ขีด เพื่อเอาไว้เคี้ยวช่วงรถติดตอนขากลับ ซื้อเนื้อเสร็จสรรพ เดินเลาะไปท่าน้ำลงเรือข้ามฟากไปฝั่งท่าพระจันทร์ซะเลย สุดยอดครับเย็นสบายสะใจไปกับระลอกคลื่นเล็กๆ แนะนำเลยคู่รักจะเริ่มจีบหรือคู่รักยาวนาน ลองหาโอกาสมานั่งเรือข้ามฟากเล่น ท่านจะรู้สึกว่ามันแจ๊คกะโรส ดีๆนี่เอง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ พอข้ามไปถึงฝั่งท่าพระจันทร์ ตาเล็งไปแล้วที่ร้านส้มตำริมน้ำเจ้าพระยา เลยต้องลัดเลาะไปหาจนได้ ส้มตำไข่เค็ม สรุปเนื้อทอดที่กะจะเอาไปเคี้ยวตอนรถติด ไม่เหลือแล้วครับหายไปกับส้มตำไข่เค็มเรียบร้อย อร่อยมาก
           เดินไปเดินมาแป๊บเดียวจะสี่โมงเย็นซะแล้ว ต้องรีบตาลีตาเหลือกกลับไปที่รถ ก่อนที่จะได้รับใบสั่ง ขากลับข้ามมายังฝั่งศิริราชได้ ก็เรียกใช้บริการพี่มอเตอร์ไซด์รับจ้าง พอมาถึงปากซอยวัดยางเห็นร้านผัดไทใต้สะพานลอยเปิดพอดี เลยขอลงก่อนป้ายฮ่าๆๆๆๆๆๆ สั่งผัดไทธรรมดากลับบ้าน เอาไปเป็นมื้อเย็นที่บ้าน วันนี้ยังอร่อยเหมือนวันวานครับ สะใจสุด สุด ท่านผู้อ่านถ้ามีโอกาสได้มาย่านพรานนก ก็ให้ได้มาลองเดินตามรอยผมนะครับ รับรองประทับใจ

Monday, December 6, 2010

ชวนไปกินย่านมีนบุรี

          วันศุกร์ที่ผ่านมานึกอยากจะออกไปลุยกินย่านมีนบุรี เพื่อชิมว่ารสชาติอาหารจะยังอร่อยเหมือนเมื่อสามสี่ปีก่อนหรือเปล่า ร้านแรกที่ผมจะลุยคือร้านซุปหางวัวข้าวหมกไก่บังเสิดอยู่ในซอยรามอินทรา109 เข้าไปประมาณห้าสิบเมตรอยู่ขวามือข้างร้านตัดผม เป็นร้านเพิงธรรมดาครับแต่รสชาติไม่ธรรมดา บอกได้เลยว่าเจ็บจี้ดจ้าดเลยครับซุปหางวัว อร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยทานมา ถ้าหากจะไปทานควรไปก่อนเที่ยงเล็กน้อยมีให้อร่อยทั้งซุปเนื้อ และซุปหางวัว วันนี้ผมขอซุปหางวัวเหมือนเดิมซัดกับข้าวเปล่าสะใจครับ รสชาติยังเด็ดขาดเหมือนเดิมครับ
           ออกจากร้านบังเสิดก็ยังรี่เข้าไปในซอยรามอินทรา109 ต่อไปจนเจอสี่แยกไฟแดง ถนนปัญญาอินทรา ก็ให้เลี้ยวซ้ายแล่นไปอีกประมาณพันเมตร ให้มองทางซ้ายมือจะเห็นป้ายร้านกวยเตี๋ยวหมูมะนาว ท่านต้องเดินเลาะคลองเข้าไปนะครับ ร้านนี้ผมทานมาประมาณสิบสองสิบสามปีแล้วนะครับ เป็นกวยเตี๋ยวหมูต้มยำโบราณอร่อยครับ ผมเลยขออนุญาติสั่งเส้นเล็กหมูสับ ตับ ไส้ น้ำใส เพื่อที่จะขอปรุงเองให้สะใจแบบจัดจ้าน อร่อยครับซัดไปสองชามหายอยากเลย ร้านนี้มีพวกส้มตำ ไก่ย่าง ด้วยนะครับแต่ไก่ดันหวานครับ เสียดาย ออกจากร้านกวยเตี๋ยวตรงทางเข้าจะเห็นรถซาเล้งขายมะขามคลุก กระท้อนลอยแก้ว มะกอกดอง ของอาบังท่านนึง อยู่คู่ร้านกวยเตี๋ยวมานับสิบปีเช่นกัน ผมชอบมะขามคลุก อร่อยครับอมเปรี้ยวอมหวาน ใช้บริการอาบังโลนึงเช่นเคย
           อิ่มครับ เลยจะขอไปเดินย่อยในห้างแฟชั่นไอร์แลนด์ ก็แค่ขับผ่านสนามกอล์ฟปัญญาอินทรา ออกไปก็ถึงแล้ว เดินในห้างให้รู้สึกไม่อยากจะเชื่อว่า ห้างนี้เกือบจะไปไม่รอดเมื่อช่วงเกือบสิบปีที่แล้ว เห็นแล้วก็ดีใจแทนเจ้าของครับ เดินได้สักพักรู้สึกอยากอีกแล้วครับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ไม่ใช่หิวนะครับ แต่อยากทานกวยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น เอ็นตุ๋น ให้นึกขึ้นได้ว่ามีร้านเด็ดอยู่ร้านนึง ก็ไม่รอช้าเดินแน่วไปยังลานจอดรถ พุ่งทะยานไปยังซอยสวนสยาม ถึงสามแยกไฟแดงทางเข้าสวนสยามก็ให้เลี้ยวขวาเข้าไป แล้ววิ่งตรงไปไม่ต้องเลี้ยวซ้ายไปสวนสยาม ขับไปประมาณยี่สิบเมตร ให้มองทางซ้ายมือจะเห็นร้านกวยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น เอ็นตุ๋น สั่งเลยครับเกาเหลาสามชั้น เอ็นตุ๋นใส่แต่ผักโรย กลิ่นหอมซะแทบขาดใจ เพียงเติมน้ำส้มพริกตำ แล้วสกรัมด้วยข้าวเปล่า พริบตาเดียวต้องขอสั่งชามที่สอง สะใจครับ ถ้าจะมาทานร้านนี้ก็พยายามมาก่อนเที่ยง หรือหลังเที่ยงไว้เป็นดีครับ ผมเคยนั่งน้อยใจกับการรอคอยในร้านนี้มาแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
           สรุปครับ วันนี้ก็สมใจอยากไปแล้วสามร้านรสชาติยังเด็ดขาดไม่เปลี่ยนแปลง ก็ขอให้แต่ละร้า้นรักษาระดับความอร่อยต่อไป แล้วจะขออนุญาติมาใช้บริการใหม่ซึ่งอาจจะเป็นอาทิตย์หน้าก็ไม่แน่ ท่านผู้อ่านครับย่านมีนบุรียังไม่หมดของอร่อยแค่นี้นะครับ ยังมีอีกหลายร้าน แล้วจะขอพาไปกินกันอีกต่อไปในตอนหน้าครับ วันนี้ขออนุญาติกลับบ้านนอนก่อนนะครับ อิ่มจริงๆ

Friday, December 3, 2010

คาราวานบิ๊กสกูตเตอร์ไปเมืองปาย

                   ช่วงเดือนที่แล้วผมได้รับคำชวนจากเพื่อนสนิทที่อยู่เชียงใหม่ ให้ไปร่วมขบวนคาราวานบิ๊กสกูตเตอร์ไปเมืองปายกัน ผมได้ยินเช่นนั้นคงไม่อาจรีรอได้ปากไวกว่าสมอง ตอบรับคำชวนทันที เพราะในวัยเยาว์ผมเคยขี่มอเตอร์ไซด์ไปเมืองปายครั้งนึง สาหัสพอสมควรครับเนื่องด้วยถนนหนทางที่ไปเมืองปายสมัยก่อนเป็นทางฝุ่นดินแดง ไปถึงเมืองปายนี่กลายเป็นขนมที่โรยด้วยผงโกโก ในรูจมูก ปาก ฉ่ำไปหมดครับ ทริปนี้ผมไม่รอช้าจัดแจงกระเป๋าแบ๊คแพ๊คถุงมือเสื้อกันลมครบครันรีบไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ แต่แล้วก็ได้รับคำตอบที่ใจหาย ตั๋วเต็มหมดทุกเที่ยวบิน ทุกสายการบินภายในประเทศ สมองสั่งงานต่อทันทีให้ไปนั่งแอร์พอร์ทลิงค์เพื่อที่จะไปต่อรถไฟฟ้ามหานครมุ่งหน้าสู่สถานีขนส่งหมอชิต โชคดีครับที่ไปถึงแล้วยังมีตั๋วเหลืออีกสองที่นั่งเป็นรถนอน ผมไม่ได้เดินทางด้วยรถทัวร์มานานมากตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยรู้สึกดีครับแต่นอนไม่หลับและที่ชอบมากคือมีแวะทานข้าวต้มที่กำแพงเพชร ผมซัดข้าวสวยราดผัดลูกชิ้นปลากรายไข่เจียวใส่ไชโป๊ว หวดไปสองจานกะขึ้นรถไปหลับเลยสะใจครับ
                   ถึงเชียงใหม่ตอนตีสี่ซึ่งเช้ามากเชียงใหม่อาเขตยังเป็นร็อคเล็กๆเหมือนเดิม ยังง่วงมากเพราะนอนไม่หลับเลย โยกเยกไปมาทั้งคืน ยังคิดว่าจะขี่มอไซด์ไหวรึป่าวเพราะงานนี้ต้องควบเจ้าตัววิบากสองร้อยห้าสิบซีซี ห้านาทีต่อมาเพื่อนสนิทหัวหน้าทีมยังฮาร์ทรันฟรี บิ๊กสกูตเตอร์ทีมเชียงใหม่ มารับไปหาน้ำชากาแฟอาหารเช้าทานจัดแจงนัดหมายกำหนดการเดินทาง สิบโมงเช้าไปพบกันที่จุดนัดหมาย โอโห นึกไม่ถึงว่าจะเยอะขนาดนี้ประมาณสี่สิบคันได้ เยอะที่สุดในประเทศไทยที่ได้มีการจัดคาราวานรถบิ๊กสกูตเตอร์ มาจาก กรุงเทพฯซะเป็นส่วนใหญ่ และเชียงใหม่ สะใจครับ ออกจากจุดเริ่มต้นกระหึ่มทั้งขบวนชาวบ้านชาวช่องโบกไม้โบกมือต้อนรับ ตลอดเส้นทางราบรื่นเข้าปากทางไปเมืองปายที่แม่แตงก็เริ่มได้กลิ่นอายภูเขา แวะพักที่ร้านกาแฟบนเขาสวยงามมากครับ ออกเดินทางต่อด้วยความสดชื่น ขี่มอเตอร์ไซด์แหวกกลุ่มเมฆหมอกบนภูเขาเป็นอะไรที่สุขสุดๆ และแล้วก็เจอฝนครับ อากาศบนภูเขาแปรปรวนเป็นปกติ แต่ก็ไม่อาจจะหยุดยั้งความซ่าส์ของขบวนคาราวานของพวกเราได้ ใจสั่งมาลุยไม่มีจอดครับ พอไปถึงสะพานข้ามน้ำปายแดดเปรี้ยงซะ ได้ยลความงามแบบเงียบสงบของน้ำปายแล้วรู้สึกถึงความนิ่งของชีวิตน่าจะเริ่มสูงวัยนิดๆแล้วแน่เลยผม
                    รอครบทีมก็เริ่มบุกต่อเข้าไปให้ถึงเมืองปายประมาณห้านาทีพวกเราทั้งคณะก็ไปแผดเสียงในเมืองปายให้ชาวบ้านชาวช่องตกใจเล่น มันไม่ใช่น้อยๆไงครับสี่สิบคัน บรรยากาศในตัวเมืองปายก็สีสันมากมายครับคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวร้านรวงต่างๆ ก็เหมือนที่ได้ดูได้ชมจากในหนังหลายๆเรื่องที่ได้มาถ่ายทำที่นี่ ผมกลับชอบบรรยกาศท้องทุ่งนาของที่นี่มากกว่า เพื่อนสนิทอีกคนนึงได้มาตั้งรกรากที่นี่หันหลังให้กับเมืองเปิดเกสต์เฮ้าส์ชือริมน้ำปาย อยู่แบบวิถีชาวบ้านนานๆเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ทีนึงไปทำธุระปะปัง เหมือนชาวบ้านในเมืองปายทั่วไป แต่แววตาและสีหน้าบ่งบอกถึงความสุขล้วนๆ
                     ถึงเป้าหมายแล้วก็ได้เวลาขอแยกวงตีรถกลับเข้าเชียงใหม่กันต่อโดยไม่ได้พักค้างคืนกับชาวคณะเพราะผมมีนัดคุยกับเพื่อนที่ในเมืองเชียงใหม่ เริ่มต้นก็โดนเลยครับตลอดทางตั้งแต่ปายจนถึงแม่แตง ฝนล้วนๆครับหนาวจนไม่หนาวอันตรายแต่ท้าทาย ผมสะใจมากครับในชีวิตนี้ได้ลุยอะไรแบบนี้
พอถึงตัวเมืองเชียงใหม่ก็ไม่รอช้าที่จะไปยังจุดนัดหมาย เกสต์เฮ้าส์บ้านลานสา ตั้งอยู่หน้าวัดพระสิงห์ พอถึงก็ต้องทันทีครับน้ำอมฤตราชสีห์ยกขา เพื่อให้เข้าไปทำหน้าที่ขจัดความหนาวเย็นของร่างกาย ได้ผลครับ บรรรยากาศของบ้านลานสาทำให้หลุดคิดว่าไม่ได้นั่งในตัวเมือง การตกแต่งร้านสวยงามแบบล้านนาครับ ซักพักเพื่อนสนิทมิตรสหายก็ได้ทยอยมารวมตัวกันบางคนหิ้วลาบเลือดมาสมทบ สนุกและสะใจมากครับทริปนี้
                     ขอขอบคุณกลุ่มยังฮาร์ทรันฟรี บิ๊กสกูตเตอร์ทีมเชียงใหม่ และบ้านลานสาที่ได้ให้สิ่งเติมเต็มกับชีวิตผมในการเดินทางทริปนี้ ขอบพระคุณมากครับ

เยือนถิ่นหมีขาว รัสเซีย

                เมื่อตอนกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปเยือนกรุงมอสโควประเทศรัสเซีย อากาศช่วงที่ไปถึงก็กำลังดีครับ แปดถึงสิบองศาเซลเซียส และเมื่อไปถึงก็โดนเลยครับ รถติดมากหนักกว่ากรุงเทพฯบ้านเราอีก สองข้างทางก็จะเห็นคอนโดเต็มไปหมด คล้ายๆกับที่เกาหลี หรือเกาะฮ่องกง ด้วยเหตุที่ค่าครองชีพที่นี่สูงมาก ซึ่งสวนทางกับรายได้จึงทำให้หารอยยิ้มได้ยากมากจากผู้คนทั่วไป และเป็นที่ทราบกันว่าไม่ควรเดินไปไหนมาไหนลำพังในประเทศนี้ และที่ประทับใจผมมากๆก็คือบรรดาอนุสรณ์สถานต่างๆ สร้างได้ยิ่งใหญ่มากครับ อลังการงานสร้างจริงๆ ซึ่งส่วนใหญ่ได้แรงบันดาลใจจากสงคราม ผมชอบจตุรัสแดงมากครับ สร้างได้สวยงามมาก ยิ่งใหญ่จริงๆ วิหารนักบุญเบซิล ที่ลักษณะเหมือนดอกต้นหอมเรียงรายกันไงครับ นี่เป็นสัญญลักษณ์ของมอสโคว สวยงามครับเห็นแล้วทำให้ผมคิดถึงแดนเนรมิตบ้านเรา และที่ลานกลางจตุรัสแดงนี้ในช่วงหน้าหนาวก็จะถูกเนรมิตให้เป็นลานสเกตน้ำแข็งที่กว้างใหญ่มาก และที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือ บันไดเลื่อนลงไปสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินลึกที่สุดในโลก 180เมตร น่ากลัวครับ เพราะถ้าหล่นลงไปก็คงไม่ต้องบรรยายว่าจะเป็นยังไง ในรถไฟฟ้าผู้คนเบียดเสียดมากครับยิ่งกว่ารถเมล์บ้านเรา ชนิดที่ว่ายืนได้ไม่เต็มเท้าเลยแหละครับ และเหตุผลที่ต้องสร้างลึกขนาดนั้นก็ไม่พ้นเรื่องสงครามอีกละครับ ว่ากันว่าหากเกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นมาจริงๆ ประชากรของเค้าจะรอดตาย จากอานุภาพการทำลายล้างของอาวุธนิวเคลียร์ได้
                มาถึงเรื่องอาหารการกินเท่าที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นพวกบาบีคิว ทานกับแป้งคล้ายๆโรตีแต่หนากว่า เหนียวกว่ามีซอสรสเค็มๆทานกับมะเขือเทศและหอมหัวใหญ่ อร่อยดีครับแต่ราคาแพงมาก ชุดนึงต่อหนึ่งคนก็เจ็ดร้อยบาท คือราคาทั่วไปในกรุงมอสโควนะครับ อย่างที่บอกไว้ตอนแรกว่าค่าครองชีพที่นี่สูงมาก ไก่ทอดยี่ห้อดังที่มีอยู่ในบ้านเราก็ชิ้นละห้าสิบเก้าบาท แพงมากบ้านเรายังแค่ชิ้นละสามสิบห้าบาท แต่ที่แอลเอสิบชิ้นราคาสิบเหรียญถูกกว่าบ้านเราอีก และ พืชผักและผลไม้ก็เป็นผลผลิตที่มีราคาแพง ซึ่งเป็นธรรมดาของประเทศที่มีอากาศหนาวจัดถึงลบยี่สิบ หรือสามสิบองศาเซลเซียสแบบนี้ ทำให้ผมนึกถึงบ้านเราช่างอุดมสมบูรณ์เป็นที่สุด ผมคิดถึงแกงแค อาหารพื้นบ้านภาคเหนือ อากาศแบบนี้ต้องทานแกงที่มีส่วนผสมของผักหลายๆชนิดรวมกัน ป้องกันไข้หัวลม ประมาณนั้น
                 ส่วนในเรื่องของฝากก็คงไม่พ้นตุ๊กตาแม่ลูกดก ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าลูกดกยังไง คนขายก็บรรจงถอดตุ๊กตาออกเหมือนปอกเปลือกยังไงยังงั้น ข้างในของตุ๊กตาตัวใหญ่ก็บรรจุตัวที่เล็กลงมา อยู่ข้างในซ้อนๆกันประมาณห้าตัว และบางตัวตัวใหญ่ก็มีบรรจุอยู่ถึงสิบตัวข้างใน เก่งมากครับยังเดาไม่ออกว่าทำยังไง และก็อีกอย่างคือหมวกกันหนาวที่ทำจากหนังสุนัขจิ้งจอก และหนังสุนัขจิ้งจอกทั้งตัว รับรองว่าของแท้ครับ เพราะยังมีอุ้งเท้าและปลายจมูกสุนัขติดอยู่กับหนังทุกผืน เห็นแล้วขนหัวลุกครับ
                 ทริปนี้ประทับใจมากครับ กับความสวยงามของกรุงมอสโควแต่ไม่ค่อยประทับใจผู้คนที่นั่น ตลอดสามสี่วันที่อยู่ที่นั่น ผมได้เห็นรอยยิ้มของคนที่นั่นเพียงครั้งเดียว คือเชฟที่ย่างเนื้อบาบีคิวให้ผมทานนั่นแหละครับ คิดถึงบ้านขึ้นมาทันทีครับ อยากกลับไปทำแกงแคกินแล้วครับผม
                 ต้องขอขอบพระคุณท่านกัปตันชัชวาลย์ ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์จัดหาคุณโซดา นักเรียนไทยที่ไปทำปริญญาเอกที่มอสโคว มาคอยให้ความรู้เกี่ยวกับสถานที่ต่างๆในกรุงมอสโคว

Wednesday, December 1, 2010

ประเพณียี่เป็งเชียงใหม่

ผมได้มีโอกาสกลับไปเยือนบ้านเกิดในช่วงวันลอยกระทงที่ผ่านมา รู้สึกดีมากๆครับ ได้กลับไปซึมซับความรู้สึกสมัยยังเป็นเด็ก ได้ไปเห็นวัฒนธรรมลานนาในอดีตที่ได้มีการนำกลับมาเผยแผ่กันอีกครั้ง ได้เห็นโคมลอยไฟนับพัน นับหมื่นดวงลอยบนท้องฟ้า ได้พบปะกับเพื่อนสนิทมิตรสหายในวัยเยาว์ และได้ถือโอกาสไปพักค้างคืนบ้านเพื่อนที่บ้านป่ากล้วย ได้ทานขนมจีนน้ำเงี้ยวฝีมือคุณแม่ของเพื่อน ทานกับพริกขี้หนูคั่ว หอมมากครับอร่อยเลยที่เดียว ได้เห็นปู่กะย่าช่วยกันเลี้ยงหลาน ทำให้ผมรู้สึกถึงวัยเยาว์ที่ได้อยู่ท่ามกลางปู่ย่า ตายาย อบอุ่นมากเลยครับ ก่อนกลับกรุงเทพฯ ก็ได้ไปแวะตลาดวโรรส ได้เห็นพืช ผัก ผลไม้ แปลกตาหลายๆอย่าง และผมก็ได้หิ้ว ถั่วเน่าแผ่น และ ดอกงิ้วกลับมาด้วย เพราะอยากทำขนมจีนน้ำเงี้ยวทานซักหน่อย อีกทั้งเพื่อนสนิทมิตรสหายใน กรุงเทพฯเรียกร้องมา และคงจะทำให้ท่านได้ชมในรายการของผม สำหรับทริปนี้ขอขอบคุณ คุณพ่อ คุณแม่บ้านป่ากล้วย และเพื่อนสนิทมิตรสหายที่ได้ให้การต้อนรับอบอุ่นมหาศาลเลยครับท่าน