Friday, December 3, 2010

คาราวานบิ๊กสกูตเตอร์ไปเมืองปาย

                   ช่วงเดือนที่แล้วผมได้รับคำชวนจากเพื่อนสนิทที่อยู่เชียงใหม่ ให้ไปร่วมขบวนคาราวานบิ๊กสกูตเตอร์ไปเมืองปายกัน ผมได้ยินเช่นนั้นคงไม่อาจรีรอได้ปากไวกว่าสมอง ตอบรับคำชวนทันที เพราะในวัยเยาว์ผมเคยขี่มอเตอร์ไซด์ไปเมืองปายครั้งนึง สาหัสพอสมควรครับเนื่องด้วยถนนหนทางที่ไปเมืองปายสมัยก่อนเป็นทางฝุ่นดินแดง ไปถึงเมืองปายนี่กลายเป็นขนมที่โรยด้วยผงโกโก ในรูจมูก ปาก ฉ่ำไปหมดครับ ทริปนี้ผมไม่รอช้าจัดแจงกระเป๋าแบ๊คแพ๊คถุงมือเสื้อกันลมครบครันรีบไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ แต่แล้วก็ได้รับคำตอบที่ใจหาย ตั๋วเต็มหมดทุกเที่ยวบิน ทุกสายการบินภายในประเทศ สมองสั่งงานต่อทันทีให้ไปนั่งแอร์พอร์ทลิงค์เพื่อที่จะไปต่อรถไฟฟ้ามหานครมุ่งหน้าสู่สถานีขนส่งหมอชิต โชคดีครับที่ไปถึงแล้วยังมีตั๋วเหลืออีกสองที่นั่งเป็นรถนอน ผมไม่ได้เดินทางด้วยรถทัวร์มานานมากตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยรู้สึกดีครับแต่นอนไม่หลับและที่ชอบมากคือมีแวะทานข้าวต้มที่กำแพงเพชร ผมซัดข้าวสวยราดผัดลูกชิ้นปลากรายไข่เจียวใส่ไชโป๊ว หวดไปสองจานกะขึ้นรถไปหลับเลยสะใจครับ
                   ถึงเชียงใหม่ตอนตีสี่ซึ่งเช้ามากเชียงใหม่อาเขตยังเป็นร็อคเล็กๆเหมือนเดิม ยังง่วงมากเพราะนอนไม่หลับเลย โยกเยกไปมาทั้งคืน ยังคิดว่าจะขี่มอไซด์ไหวรึป่าวเพราะงานนี้ต้องควบเจ้าตัววิบากสองร้อยห้าสิบซีซี ห้านาทีต่อมาเพื่อนสนิทหัวหน้าทีมยังฮาร์ทรันฟรี บิ๊กสกูตเตอร์ทีมเชียงใหม่ มารับไปหาน้ำชากาแฟอาหารเช้าทานจัดแจงนัดหมายกำหนดการเดินทาง สิบโมงเช้าไปพบกันที่จุดนัดหมาย โอโห นึกไม่ถึงว่าจะเยอะขนาดนี้ประมาณสี่สิบคันได้ เยอะที่สุดในประเทศไทยที่ได้มีการจัดคาราวานรถบิ๊กสกูตเตอร์ มาจาก กรุงเทพฯซะเป็นส่วนใหญ่ และเชียงใหม่ สะใจครับ ออกจากจุดเริ่มต้นกระหึ่มทั้งขบวนชาวบ้านชาวช่องโบกไม้โบกมือต้อนรับ ตลอดเส้นทางราบรื่นเข้าปากทางไปเมืองปายที่แม่แตงก็เริ่มได้กลิ่นอายภูเขา แวะพักที่ร้านกาแฟบนเขาสวยงามมากครับ ออกเดินทางต่อด้วยความสดชื่น ขี่มอเตอร์ไซด์แหวกกลุ่มเมฆหมอกบนภูเขาเป็นอะไรที่สุขสุดๆ และแล้วก็เจอฝนครับ อากาศบนภูเขาแปรปรวนเป็นปกติ แต่ก็ไม่อาจจะหยุดยั้งความซ่าส์ของขบวนคาราวานของพวกเราได้ ใจสั่งมาลุยไม่มีจอดครับ พอไปถึงสะพานข้ามน้ำปายแดดเปรี้ยงซะ ได้ยลความงามแบบเงียบสงบของน้ำปายแล้วรู้สึกถึงความนิ่งของชีวิตน่าจะเริ่มสูงวัยนิดๆแล้วแน่เลยผม
                    รอครบทีมก็เริ่มบุกต่อเข้าไปให้ถึงเมืองปายประมาณห้านาทีพวกเราทั้งคณะก็ไปแผดเสียงในเมืองปายให้ชาวบ้านชาวช่องตกใจเล่น มันไม่ใช่น้อยๆไงครับสี่สิบคัน บรรยากาศในตัวเมืองปายก็สีสันมากมายครับคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวร้านรวงต่างๆ ก็เหมือนที่ได้ดูได้ชมจากในหนังหลายๆเรื่องที่ได้มาถ่ายทำที่นี่ ผมกลับชอบบรรยกาศท้องทุ่งนาของที่นี่มากกว่า เพื่อนสนิทอีกคนนึงได้มาตั้งรกรากที่นี่หันหลังให้กับเมืองเปิดเกสต์เฮ้าส์ชือริมน้ำปาย อยู่แบบวิถีชาวบ้านนานๆเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ทีนึงไปทำธุระปะปัง เหมือนชาวบ้านในเมืองปายทั่วไป แต่แววตาและสีหน้าบ่งบอกถึงความสุขล้วนๆ
                     ถึงเป้าหมายแล้วก็ได้เวลาขอแยกวงตีรถกลับเข้าเชียงใหม่กันต่อโดยไม่ได้พักค้างคืนกับชาวคณะเพราะผมมีนัดคุยกับเพื่อนที่ในเมืองเชียงใหม่ เริ่มต้นก็โดนเลยครับตลอดทางตั้งแต่ปายจนถึงแม่แตง ฝนล้วนๆครับหนาวจนไม่หนาวอันตรายแต่ท้าทาย ผมสะใจมากครับในชีวิตนี้ได้ลุยอะไรแบบนี้
พอถึงตัวเมืองเชียงใหม่ก็ไม่รอช้าที่จะไปยังจุดนัดหมาย เกสต์เฮ้าส์บ้านลานสา ตั้งอยู่หน้าวัดพระสิงห์ พอถึงก็ต้องทันทีครับน้ำอมฤตราชสีห์ยกขา เพื่อให้เข้าไปทำหน้าที่ขจัดความหนาวเย็นของร่างกาย ได้ผลครับ บรรรยากาศของบ้านลานสาทำให้หลุดคิดว่าไม่ได้นั่งในตัวเมือง การตกแต่งร้านสวยงามแบบล้านนาครับ ซักพักเพื่อนสนิทมิตรสหายก็ได้ทยอยมารวมตัวกันบางคนหิ้วลาบเลือดมาสมทบ สนุกและสะใจมากครับทริปนี้
                     ขอขอบคุณกลุ่มยังฮาร์ทรันฟรี บิ๊กสกูตเตอร์ทีมเชียงใหม่ และบ้านลานสาที่ได้ให้สิ่งเติมเต็มกับชีวิตผมในการเดินทางทริปนี้ ขอบพระคุณมากครับ

2 comments:

  1. ม่วนขนาด.. ยังก่ะนั่งซ้อนท้ายไปตวยเลยบะเฮ่ย

    ReplyDelete